การไหลของระบบกราวิตี้ จะไหลลงหัวระบายน้ำฝนด้วยแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ อากาศที่อยู่รอบ ๆ หัวระบายน้ำฝนจะถูกดึงลงไปด้วย ภายในพื้นที่หน้าตัดของท่อ 2/3 ของพื้นที่จะเป็นอากาศแทรกตัวอยู่ตรงกลางท่อ และอีก 1/3 ของพื้นที่หน้าตัดท่อ จะเป็นน้ำที่ไหลเกาะขอบท่อลงไป เป็นสาเหตุให้การระบายน้ำแบบกราวิตี้นั้น ระบายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
จุดเด่นของระบบระบายน้ำฝน Diamond flows คือการทำให้ระบบเกิดการไหลแบบเต็มท่อด้วยวิธีการป้องกันอากาศลงไปในท่อ เมื่อน้ำเต็มท่อ โมเลกุลของน้ำจะดึงกันออกมาอย่างต่อเนื่อง ความดันภายในท่อจะเปลี่ยนเป็นความดันติดลบ เกิดเป็นแรงดูด ตามหลักการอนุรักษ์พลังงาน ช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วต่างจากระบบกราวิตี้
การไหลแบบกราวิตี้มีอากาศแทรกลงไป น้ำไหลเกาะขอบท่อระบายได้น้อย
การไหลแบบ Siphonic ป้องกันอากาศลงไปในท่อ น้ำไหลลงไปแบบเต็มท่อระบายน้ำได้มาก
เมื่อเปรียบเทียบอัตราการไหลของทั้งสองระบบ ที่ท่อขนาดเดียวกัน การติดตั้งแบบเดียวกันคือ 1 หัวระบายน้ำ ต่อท่อ 1 เส้น ระดับความสูงของท่อ 5 เมตรเท่ากันวัดค่าอัตราการไหลออกมาตามตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าอัตราการไหลแบบ Siphonic สูงกว่าการไหลแบบกราวิตี้ประมาณ 10 เท่า
Head ในการคำนวณ = 5 m. แบบ Single Outlet System