เร็วกว่า 10 เท่า มีแรงดูดภายในท่อระบายน้ำฝนเร็วกว่า ระบบ Gravity 10 เท่า

การไหลของระบบกราวิตี้ จะไหลลงหัวระบายน้ำฝนด้วยแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ อากาศที่อยู่รอบ ๆ หัวระบายน้ำฝนจะถูกดึงลงไปด้วย ภายในพื้นที่หน้าตัดของท่อ 2/3 ของพื้นที่จะเป็นอากาศแทรกตัวอยู่ตรงกลางท่อ และอีก 1/3 ของพื้นที่หน้าตัดท่อ จะเป็นน้ำที่ไหลเกาะขอบท่อลงไป เป็นสาเหตุให้การระบายน้ำแบบกราวิตี้นั้น ระบายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

จุดเด่นของระบบระบายน้ำฝน Diamond flows  คือการทำให้ระบบเกิดการไหลแบบเต็มท่อด้วยวิธีการป้องกันอากาศลงไปในท่อ  เมื่อน้ำเต็มท่อ โมเลกุลของน้ำจะดึงกันออกมาอย่างต่อเนื่อง ความดันภายในท่อจะเปลี่ยนเป็นความดันติดลบ เกิดเป็นแรงดูด ตามหลักการอนุรักษ์พลังงาน ช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วต่างจากระบบกราวิตี้

อัตราการไหลของระบบระบายน้ำฝนแบบกราวิตี้

การไหลแบบกราวิตี้มีอากาศแทรกลงไป น้ำไหลเกาะขอบท่อระบายได้น้อย

อัตราการไหลของระบบระบายน้ำฝนแบบSiphonic

การไหลแบบ Siphonic ป้องกันอากาศลงไปในท่อ น้ำไหลลงไปแบบเต็มท่อระบายน้ำได้มาก

เมื่อเปรียบเทียบอัตราการไหลของทั้งสองระบบ ที่ท่อขนาดเดียวกัน การติดตั้งแบบเดียวกันคือ 1 หัวระบายน้ำ ต่อท่อ 1 เส้น ระดับความสูงของท่อ 5 เมตรเท่ากันวัดค่าอัตราการไหลออกมาตามตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าอัตราการไหลแบบ Siphonic สูงกว่าการไหลแบบกราวิตี้ประมาณ 10 เท่า

อัตราการไหลของระบบระบายน้ำฝน
เทียบจากอัตรการไหลของท่อขนาดเดียวกัน
ท่อระบายน้ำฝน
ตารางแสดงอัตราการไหลของระบบระบายน้ำฝน
เทียบจากอัตรการไหลของท่อขนาดเดียวกัน

Head ในการคำนวณ  = 5 m. แบบ Single Outlet System